ยาหอมเหมาะกับคนทุกวัย โดยเฉพาะวัยทำงานในยุคดิจิทัล
by ThaiQuote, 4 มิถุนายน 2562
ยาหอมไม่ใช่แค่ยาคนแก่ มียาหอมเพียงตำรับเดียวในบ้าน ก็เสริมสุขภาพให้ดีทั้งครอบครัวได้ การใช้ยาหอมปรับสมดุล เป็นการป้องกันโรค ลดการใช้ยา รักษาสุขภาพให้เป็นปกติ และยังเป็นการสืบเจตนารมณ์ของรุ่นปู่ย่าตายาย ที่อุตส่าห์สั่งสมความรู้ไว้เป็นมรดกตกทอดแก่ลูกหลานไทย
ในภาวการณ์ปัจจุบันที่มีการแข่งขันสูง การทำงานที่ต้องการประสิทธิผลในระยะเวลาอันสั้น ความเครียดสูง วัฒนธรรมในการดำรงชีวิตที่เปลี่ยนแปลง เช่น อาหารการกินที่รีบเร่ง และไม่เป็นเวลา เช่น กินอาหารเช้าน้อย กินอาหารมื้อค่ำมาก เปลี่ยนประเภทอาหาร จากอาหารไทยเปลี่ยนไปกินอาหารไขมันสูงที่เป็นวัฒนธรรมของคนเมืองหนาว กินผักน้อย หรือ บางรายกินผักมาก แต่ความหลากหลายน้อย กินข้าวขัดขาว เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นที่เกี่ยวข้องอีกที่เป็นปัจจัยใหญ่คือ เทคโนโลยีที่ก้าวไกล มีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนวัยรุ่น และวัยทำงานเป็นอันมาก เช่น โทรศัพท์มือถือ อินเตอร์เนท ที่สามารถเข้าถึงได้ตลอดเวลา ทำให้พฤติกรรมการนอนเปลี่ยนแปลงไป ส่วนใหญ่นอนน้อยลง หรือ นอนผิดเวลา นอนกลางวันและตื่นกลางคืน บางคนกินอาหารมื้อดึก ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เป็นอันมาก เนื่องจากตามทฤษฎีการแพทย์แผนตะวันออกนาฬิกาชีวิตของมนุษย์ต้องสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมภายนอก ความร้อน ความชุ่มชื้น ความเย็นจากภายนอกในแต่ละช่วงเวลามีอิทธิพลต่อการทำงานของร่างกาย การปรับเปลี่ยนเวลามีผลต่อสุขภาพอย่างยิ่ง มีงานวิจัยที่พิสูจน์ว่า คนที่นอนกลางวัน ตื่นกลางคืนมักเป็นโรคอ้วน และมีภูมิต้านทานต่ำ จากเหตุผลดังกล่าวที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้สุขภาพของกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงานปัจจุบัน ต้องเผชิญต่อความเสี่ยงต่อโรคที่จะตามมา หลายคนมีเริ่มมีอาการขาดสมดุลร่างกาย เช่น เป็นหวัดบ่อย อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ เครียด อารมณ์สับสน วุ่นวาย ทำงานไม่ได้ทั้งที่อยากทำ อ่านหนังสือไม่ได้ ขาดสมาธิในการจัดการปัญหา เป็นต้น อาการเหล่านี้เมื่อเกิดในระยะแรกเริ่ม อาจรู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่ถึงขึ้นที่ต้องใช้ยารักษา แต่หากทิ้งไว้ไม่สามารถปรับพฤติกรรม หรือแก้ไขต้นเหตุเหล่านี้โดยวิธีวิธีหนึ่ง ก็จะทำให้เป็นโรคได้ในที่สุด
ยาหอม เป็นชื่อกลุ่มยาตำรับ ที่ใช้กันมานาน มีจุดประสงค์หลักในการปรับสมดุลธาตุ เริ่มจากธาตุลม ที่เรียกชื่อว่า "ยาหอม" เกิดเนื่องจากในตำรับมีส่วนประกอบหลักมาจากสมุนไพรที่มีกลิ่นหอมหลายชนิดเช่น เกสรดอกไม้ จำพวกมะลิ พิกุล บุนนาค สารภี เกสรบัวหลวง ดอกจำปา กระดังงา ลำดวน ลำเจียก และของหอมอื่นๆได้แก่ ลูกจันทน์ ดอกจันทน์ กฤษณา ขอนดอก กระลำพัก เปลือกสมุลแว้ง เปราะหอม ชะลูด หญ้าฝรั่น เทียน และโกฐ รวมทั้งจันทน์แดง จันทน์เทศ จันทน์ชะมด เป็นต้น ตัวยาที่ใส่ไปจำนวนมาก บางตำรับมีมากถึง 56 ชนิด ล้วนมีสรรพคุณสำคัญต่อร่างกายทั้งสิ้น ยาหอมใช้ในวิถีชีวิตของคนไทยตั้งแต่ตั้งแต่ก่อนเกิดจนวันตาย เริ่มตั้งแต่ ตำรับยาหอมสำหรับบำรุงโลหิตระดูสตรี เพื่อให้มีสุขภาพสมบูรณ์ สามารถตั้งครรภ์ได้ บางตำรับตั้งขึ้น เพื่อดูแลสุขภาพของสตรีมีครรภ์ เรียกว่ายาหอมครรภ์รักษา แต่ในกลุ่มนี้ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์แผนไทยผู้เชี่ยวชาญ ยาหอมยังใช้ในวัยเจริญพันธ์เพื่อป้องกันและรักษาโรคเกี่ยวกับลม ใช้ในช่วงพักฟื้น เพื่อช่วยให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะปกติ ตำรับยาหอมแก้ลมวิงเวียนสำหรับผู้สูงอายุ และแก้โรคลมอีกหลายชนิด ยาหอมบางตำรับใช้ในช่วงสุดท้ายของชีวิต เพื่อให้มีสติสัมปชัญญะได้สั่งเสียลูกหลาน จึงนับได้ว่า ยาหอมเป็นยาที่สำคัญของชีวิต จากปัจจัยปัญหาข้างต้นของวัยรุ่น และวัยทำงาน การใช้ยาหอมปรับสมดุล น่าจะเป็นการปรับการทำงานของร่างกายแบบองค์รวมที่จะส่งเสริมให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น ป้องกันโรคที่อาจเกิดได้
ใช้ยาหอมเพื่อปรับสมดุล
ยาหอมสามารถใช้ในโรคเกี่ยวกับลม ดังนั้นระดับการใช้ยาหอมจึงมีตั้งแต่การใช้อย่างง่าย จนไปถึงการใช้โดยผู้ประกอบโรคศิลปะการแพทย์แผนไทย กลุ่มยาหอมที่สามารถใช้ในโรคง่ายในบ้านมีมากมายหลายตำรับ และขึ้นทะเบียนเป็นยาสามัญประจำบ้าน อนึ่งการเกิดปัญหาเกี่ยวกับนั้น สามารถพบเห็นได้โดยทั่วไป ในชีวิตประจำวัน ในทุกช่วงอายุ อาการเหล่านี้ได้แก่ ท้องอืด ท้องเฟ้อ วิงเวียน หงุดหงิด เศร้าซึม หดหู่ การใช้ยาหอมแก้ปัญหาเบื้องต้น เป็นหนทางหนึ่งที่จะป้องกันปัญหาไม่ให้ลุกลาม ลดการใช้ยา ลดระยะเวลาพักฟื้น เป็นการดูแลสุขภาพที่ประหยัดทั้งเงินและเวลา ไม่ใช่เฉพาะตัวบุคคล แต่เป็นการประหยัดในระบบสุขภาพ และเศรษฐกิจของชาติอีกด้วย
ยาหอมที่จัดเป็นยาแผนโบราณสามัญประจำบ้าน มีเป็นจำนวนมาก ในที่นี้ จะกล่าวถึง ยาหอมที่ระบุสูตร วิธีทำ สรรพคุณ ไว้ในประกาศยาสามัญประจำบ้าน ๔ ชนิด คือ ยาหอมเทพจิตร ยาหอมทิพโอสถ ยาหอมอินทจักร ยาหอมนวโกฐ เพื่อให้เข้าใจได้มากขึ้น กรณีที่ต้องการซื้อยาหอมสามัญประจำบ้านอื่นๆที่ผลิตโดยบริษัทเอกชนต่างๆที่มีสูตรคล้ายคลึงหรือแตกต่างจากสูตรเหล่านี้ ให้สอบถามสูตรและวิธีใช้ โดยไม่จำเป็นต้องทราบสูตรทั้งหมด แต่ให้ทราบส่วนประกอบหลัก และแนวโน้ม เพื่อเทียบเคียงทำความเข้าใจ
ขอบคุณข้อมูลจาก ThaiQuote